องค์การนิรโทษกรรมสากลระบุตำรวจฟิลิปปินส์เข้าข่ายก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามปราบปรามยาเสพติดในฟิลิปปินส์ ระบุว่า ตั้งแต่ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เตขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี สงครามยาเสพติดถูกดำเนินการอย่างเป็นระบบ และมีเจ้าหน้าที่รัฐอยู่เบื้องหลัง การกระทำดังกล่าวที่คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคนนี้ กำลังเข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ตำรวจฟิลิปปินส์มีอัตรการฆ่าผู้ต้องสงสัยจากคดียาเสพติดสูงถึงร้อยละ 97 และยังพบว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่ทำงานในย่านหรือชุมชนยากจนจะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อทำหน้าที่เป็นหูเป็นตา และลิสต์รายชื่อของเป้าหมายผู้ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้แก่ตำรวจ ซึ่งชะตากรรมของรายชื่อเหล่านั้นส่วนใหญ่ล้วนจบลงด้วยความตาย
ในรายงานยังระบุด้วยว่า การบริหารงานของดูแตร์เตได้สร้างความกดดันต่อเจ้าหน้าที่อย่างมาก เนื่องจากต้องพยายามสร้างผลงานจากนโยบายปราบปรามยาเสพติด อย่างไรก็ตาม ล่าสุดรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ประกาศยกเลิกการปราบปรามยาเสพติดชั่วคราว หลังพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคอรัปชั่น สืบเนื่องมาจากกรณีการอุ้มฆ่านักธุรกิจชาวเกาหลีใต้
ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีดูแตร์เตขู่ว่า เขาอาจจะประกาศกฎอัยการศึกในการทำสงครามปราบปรามยาเสพติดหากสถานการณ์เลวร้ายลง และไม่มีใครจะหยุดเจตนารมณ์เขาได้ แม้ว่าสภาผู้แทนราษฎรสามารถเพิกถอนมาตรการนี้ภายใน 48 ชั่วโมง และศาลสูงสุดสามารถทบทวนความถูกต้องตามกฎหมายได้
ด้านวุฒิสมาชิก อันโตนิโย ตริยาเนสที่สี่ (Antonio Trillanes IV) ได้ออกมากล่าวเตือนดูแตร์เตถึงคำขู่ประกาศกฎอัยการศึกดังกล่าว โดยระบุว่ากฎอัยการศึกไม่สามารถใช้ในการปราบปรามยาเสพติดได้ ทั้งยังเป็นการขัดต่อความรู้สึกของชาวฟิลิปปินส์ รวมไปถึงยังเป็นหนทางการขับไล่นักท่องเที่ยวและนักลงทุนออกไปจากประเทศอีกด้วย
แหล่งที่มา: philstar.com และ posttoday.com
ความร่วมมือระหว่างฟิลิปปินส์กับจีนและญี่ปุ่นเป็นไปอย่างคึกคัก
เกา หูเชิง รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า จีนตกลงร่วมมือกับฟิลิปปินส์ใน 30 โครงการมูลค่า 3.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.3 แสนล้านบาท) โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการลดความยากจน
ข้อตกลงดังกล่าวได้ข้อสรุปหลังการเดินทางเยือนจีนนาน 2 วันของคณะผู้แทนระดับรัฐมนตรีฟิลิปปินส์ หลังจากที่ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ไปเยือนปักกิ่งเพื่อกรุยทางสำหรับพันธมิตรทางการค้าใหม่เมื่อ 3 เดือนก่อน
จีนต้อนรับนโยบายต่างประเทศของดูแตร์เตที่หันเหออกจากพันธมิตรเก่าอย่างสหรัฐ และหันมาทำข้อตกลงเงินกู้และธุรกิจในภูมิภาคมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่จีนสัญญาว่าจีนจะลงทุน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในฟิลิปปินส์
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ของฟิลิปปินส์เตรียมนำเสนอ 5 กลุ่มธุรกิจน่าลงทุนสำหรับญี่ปุ่น หลังจากที่นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นให้คำมั่นกับประธานาธิบดีดูแตร์เตว่าจะเทเงินทุน 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3.2 แสนล้านบาท) สนับสนุนโครงการรัฐและเอกชนฟิลิปปินส์ หลังจากที่มีแลกเปลี่ยนการเยือนระดับผู้นำของทั้งสองฝ่าย
นายรามอน โลเปซ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ฟิลิปปินส์ กล่าวว่า 5 ภาคเศรษฐกิจสำคัญทางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาฟิลิปปินส์คือ อุตสาหกรรมการผลิตโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ท่องเที่ยว บริการและเกษตรอุตสาหกรรม
นักลงทุนญี่ปุ่นสามารถลงทุนในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง บริการที่ไม่เกี่ยวกับเสียง (non-voice) ในอุตสาหกรรมการบริหารธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจการแพทย์ บริการการเงินและกฎหมาย และการพัฒนาเกม การออกแบบทางวิศวกรรม ซอฟต์แวร์ และธุรกิจแบ่งให้เช่า (shared business)
แหล่งที่มา: manager.co.th และ thansettakij.com
ผู้นำฟิลิปปินส์จี้สหรัฐฯ หยุดสร้างคลังเก็บอาวุธในประเทศ พร้อมเตือนจะยกเลิกสัญญาทวิภาคี
นายโรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กล่าวหาว่าสหรัฐฯ สร้างคลังเก็บอาวุธในฟิลิปปินส์ โดยกำลังถ่ายเทอาวุธเข้ามาในฟิลิปปินส์ ทั้งในเกาะปาลาวัน ในเมืองคากายันเดโอโร และในจังหวัดแพมพางา
ผู้นำฟิลิปปินส์ยังเตือนด้วยว่า หากสหรัฐฯ ยังดำเนินการสะสมอาวุธในฟิลิปปินส์ต่อไป ก็จะมีดำเนินการยกเลิกสัญญาทวิภาคีระหว่างกัน โดยได้อ้างถึงเนื้อหาในข้อตกลงว่าด้วยการใช้ฐานทัพฟิลิปปินส์ของกองทัพสหรัฐ (VFA) ที่ระบุว่าสหรัฐฯ จะไม่ตั้งฐานทัพใดๆ เป็นการถาวรบนแผ่นดินของฟิลิปปินส์
ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ยืนยันว่าจะไม่มีการอนุมัติในเรื่องดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า สหรัฐฯ กำลังทำให้ฟิลิปปินส์ตกอยู่ในอันตราย ขณะที่เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านั้น นายเดลฟิน ลอเรนซานา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า กองทัพสหรัฐฯ จะเริ่มสร้างรากฐานในฐานทัพฟิลิปปินส์ภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม เอกอัครราชทูต ซุง คิม เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำฟิลิปปินส์ได้ออกมาตอบโต้ผู้นำฟิลิปปินส์ พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่า สหรัฐฯ ไม่ได้สร้างคลังอาวุธไว้ในส่วนใดๆ ของประเทศฟิลิปปินส์ ทั้งยังกล่าวอีกว่า สหรัฐฯ ไม่สามารถสร้างอะไรก็ตามในฐานทัพฟิลิปปินส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาล
แหล่งที่มา: ryt9.com และ manager.co.th