ผู้นำจีนเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการหลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปก
รัฐบาลเวียดนามต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่กรุงฮานอย เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการของผู้นำจีนระยะเวลา 2 วันภายหลังจากผู้นำจีนรวมทั้งผุ้นำของชาติอื่นๆ เสร็จสิ้นภารกิจการเข้าร่วมประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่เมืองดานัง ของเวียดนาม
รัฐบาลทั้งสองพยายามขยายความสัมพันธ์ทางการค้า และหาทางแก้ไขความขัดแย้งเหนือดินแดนในทะเลจีนใต้
ทั้งนี้ นายเหงียน ฟู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ให้การต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน พร้อมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ก่อนจะเข้าประชุมหารือเป็นการภายใน
ประธานาธิบดีเจิ่น ดั่ย กวาง ของเวียดนาม กล่าวว่า เวียดนามต้องการยุติข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ด้วยสันติวิธี “เป็นนโยบายของเราที่จะแก้ไขกรณีพิพาทในทะเลตะวันออก โดยผ่านการเจรจาอย่างสันติ และด้วยความเคารพต่อกระบวนการทางการทูตและกฎหมาย ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล” เจิ่น กล่าว โดยใช้คำเรียกทะเลตะวันออกของชาวเวียดนามแทนทะเลจีนใต้
เจิ่น เวียด ไท นักวิชาการของสถาบันการทูตเวียดนาม กล่าวว่า การเยือนของสีครั้งนี้มีความสำคัญต่อการสร้างความเชื่อใจต่อกัน เป็นก้าวย่างใหม่ไปสู่ความสัมพันธ์ เวียดนาม-จีน และหวังว่าความสัมพันธ์จะดำเนินไปอย่างมั่นคง เนื่องจากปัจจุบันทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างมาก ในการขยายความร่วมมือและรักษาความมั่นคง
ขณะที่เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 31 ณ กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุกก็ได้พบปะกับนายกรัฐมนตรีจีน หลีเค่อเฉียง เพื่อหารือความสัมพันธ์หุ้นส่วนร่วมมือยุทธศาสตร์ เสนอให้กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆของทั้งสองฝ่ายประสานงานอย่างใกล้ชิด
แหล่งที่มา vovworld.vn และ dailynews.co.th
เวียดนามมุ่งเน้นการพัฒนาตลาดเงินทุน
ตลาดเงินทุนและตลาดหลักทรัพย์ของเวียดนามจะยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง เพราะรัฐบาลเวียดนามมีแนวทางผลักดันการแปรรูปวิสาหกิจของรัฐให้เป็นบริษัทหุ้นส่วนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อยกระดับทักษะความสามารถในการบริหารและสร้างความโปร่งใสด้านการเงิน
มีรายงานว่า 9 เดือนแรกของปี 2560 ได้มีการแปรรูปสถานวิสาหกิจของรัฐให้เป็นบริษัทหุ้นส่วน 34 แห่งจากจำนวนสถานประกอบการ 44 แห่งตามแผนการที่ได้วางไว้จนถึงสิ้นปีนี้ รัฐบาลจะผลักดันการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เช่น PV Oil – PV Power และกลุ่มบริษัทยาสูบเวียดนามให้เป็นบริษัทหุ้นส่วน ส่วนในปี 2561 รัฐบาลได้ประกาศแผนแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้เป็นบริษัทหุ้นส่วนอีก 64 แห่ง รวมถึงบริษัทใหญ่ๆ เช่น กลุ่มบริษัทกระดาษเวียดนามและบริษัท Mobifone
ส่วนในปี 2562 แม้รัฐบาลเวียดนามจะมีแผนแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้เป็นบริษัทหุ้นส่วนเพียง 18 แห่งเท่านั้น แต่ล้วนเป็นสถานประกอบการใหญ่และมีศักยภาพมาก เช่น กลุ่มบริษัทกาแฟเวียดนาม กลุ่มบริษัทไปรษณีย์โทรคมนาคม เครือบริษัทเคมีและเครือบริษัทถ่านหินแร่ธาตุเวียดนาม ทั้งนี้ ในอีกหนึ่งถึงสองปีข้างหน้าจะมีสถานประกอบการภาครัฐหลายร้อยแห่งถูกแปรสภาพให้เป็นบริษัทหุ้นส่วนและมีหุ้นติดประกาศ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ
นาย เจิ่น วันหยุง ประธานคณะกรรมการหลักทรัพย์ ได้ยืนยันว่า มติต่างๆ ของรัฐบาลระบุชัดเจนเกี่ยวกับกำหนดเวลาและสัดส่วนการถอนเงินทุนของภาครัฐออกจากรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะถูกแปรสภาพไปเป็นบริษัทหุ้นส่วน ทางด้านรัฐบาลได้รายงานและส่งหนังสือชี้แจงเกี่ยวกับการพัฒนาตลาดเงินทุนและตลาดหลักทรัพย์ซึ่งมีศักยภาพมากขึ้นเป็นลำดับ โดยควบคู่ไปกับความต้องการด้านเงินทุน ปัจจัยอื่นๆ เช่น การรักษาอัตราการขยายตัวในระดับสูง การควบคุมภาวะเงินเฟ้อ แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนเป็นเสาหลักที่สำคัญ
ปัจจุบัน มีการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กว่า 1 ล้านบัญชี โดยเป็นบัญชีของนักลงทุนต่างชาติกว่า 2 หมื่นบัญชี เมื่อปี 2559 นักลงทุนต่างชาติได้ถอนเงินทุนจำนวนหนึ่งจากตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม แต่ในปี 2560 นักลงทุนต่างชาติได้เข้ามาซื้อหุ้นและพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้น ซึ่งทำให้จนถึงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ยอดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติในเวียดนามได้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 47 เมื่อเทียบกับช่วงปลายปี 2559
แหล่งที่มา vovworld.vn