ยุโรปเลือกลาวเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ที่นักท่องเที่ยวอยากเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมาสุดในปีนี้สภาการท่องเที่ยวและการค้าสหภาพยุโรป คัดเลือกให้ลาวเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ที่นักท่องเที่ยวอยากเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากที่สุดในปี 2013 นี้
พิธีมอบรางวัลดังกล่าวได้มีขึ้นในโอกาสที่คณะผู้แทนภาการท่องเที่ยวและการค้าสหภาพยุโรปเดินทางเยือนลาวอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 5-10 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีนายทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรี และนายบ่อแสงคำ วงดารา รัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวลาวเข้าร่วมในพิธี
ทั้งนี้รางวัลดังกล่าวได้เริ่มมีขึ้นตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา โดยพิจารณาจาก 3 เงื่อนไขด้วยกัน คือ 1) การถือเอาการท่องเที่ยวเป็นทรัพยากรหนึ่งในการพัฒนาวัฒนธรรมวัฒนธรรม-สังคม 2) มีความเคารพและนับถือต่อจรรยาบรรณในการปกปักรักษามรดกทางวัฒนธรรม-สังคม และ 3) การรับประกันในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยืนยง ที่รับประกันความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวได้อย่างแท้จริง
รัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวลาว แถลงว่า การได้รับรางวัลระดับโลกดังกล่าวนี้ จะส่งผลดีต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวลาว โดยเฉพาะการทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และก็จะเป็นการทำให้ภาคการบริการและการท่องเที่ยวในลาวมีรายรับเป็นเงินตราต่างประเทศมากขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ในปี 2012 ที่ผ่านมา ทางการลาวมีรายรับจากการท่องเที่ยวกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากนับจากปี 1993 ถึง ปี 2012 จะพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในลาวเพิ่มขึ้น 20% ต่อปี และในปี 2013 นี้ ก็คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากกว่า 3.6 ล้านคนที่จะเดินทางเข้ามาในลาว ซึ่งจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวลาวมีรายรับมากกว่า 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐอย่างแน่นอน
แหล่งที่มา : lao.voanews.com
การค้าชายแดนไทย-อินโดจีนคึกคัก คาดปี56 เม็ดเงินสะพัดกว่า5 แสนล้านบาท
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจTMB ชี้ SMEs ค้าส่งจังหวัดชายแดนอินโดจีนติดลมบน มูลค่าการค้าโตต่อเนื่อง คาดปี56แตะ 5 แสนล้านบาท แนะธุรกิจปรับตัวรับปริมาณการค้าเพิ่มขึ้นก่อนเปิด AEC เพื่อชิงความได้เปรียบ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TMB Analytics ประเมินภาพรวมการค้าชายแดนระหว่างไทยกับอินโดจีน คือ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และจีน หรือ CLMV+C ปี 2555 มีมูลค่า 4.4 แสนล้านบาท ขยายตัว 20% ล่าสุดมูลค่าการค้าไตรมาส 1 ปีนี้ มีมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท ขยายตัวถึง 22% ทำให้คาดว่าปีนี้อาจสูงถึง 5 แสนล้านบาท
การค้าชายแดนยังทวีความสำคัญกับเศรษฐกิจไทยและภูมิภาคมากขึ้นจากการค้าที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศกลุ่ม CLMV+C เติบโตดีต่อเนื่อง โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่า เศรษฐกิจปี 2556 ของประเทศกลุ่มนี้จะขยายตัว 5.2% ถึง 8.0% อีกทั้งการเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ในปี 2558 ที่มีการลดอุปสรรคทางการค้ามากขึ้นยิ่งกระตุ้นให้การค้าเพิ่มสูงขึ้น
สินค้าส่งออกสำคัญของไทย คือ สินค้าทุน เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องจักรก่อสร้าง เหล็ก ผ้าและเส้นด้าย สินค้ากลุ่มนี้ยังมีความต้องการสูงจากประเทศกลุ่ม CLMV+C เพราะจำเป็นต้องใช้เป็นปัจจัยการผลิตภายในประเทศและไทยส่งออก กลุ่มถัดมาคือสินค้าอุปโภค ได้แก่ เครื่องดื่ม น้ำตาล เครื่องสำอางและสบู่ น้ำมันปาล์มก็ยังมีแนวโน้มสดใส เพราะตลาดคุ้นเคยและยอมรับในคุณภาพสินค้าของไทย สินค้านำเข้า ได้แก่ ผักผลไม้ ไม้แปรรูป เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องจักรไฟฟ้า
ประตูการค้ากับประเทศกลุ่ม CLMV+C ที่มีมูลค่าสูงสุด 5 จังหวัด คือ หนองคาย สระแก้ว มุกดาหาร ตาก และเชียงราย การค้าชายแดนมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในจังหวัดเหล่านี้อย่างรวดเร็ว? โดยSMEs ค้าส่งในพื้นที่ มีส่วนสำคัญในการเพิ่มมูลค่าการค้าให้ขยายตัวสูงขึ้น จากการศึกษาพบว่าธุรกิจ SMEs ค้าส่ง มีจำนวน 1,239 กิจการทำให้เกิดการจ้างงานในภาคการผลิต การค้า และการขนส่งในพื้นที่ SMEs ค้าส่งเหล่านี้ยังมีแนวโน้มรายได้ที่ดีจากการขยายตัวของมูลค่าการค้าชายแดนตามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกลุ่ม CLMV+C
แหล่งที่มา : แนวหน้า