มาเลเซียแอร์ไลน์เตรียมปลดพนักงานกว่า 2 หมื่นคน
สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์เตรียมส่งหนังสือเชิญออกให้กับพนักงานกว่า 2 หมื่นคนภายในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ โดยการปลดพนักงานจำนวนมากเป็นหนึ่งในแผนการปฏิรูปโครงสร้างของสายการบิน ซึ่งคาดว่าจะสามารถกลับเปิดดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบภายในเดือนกันยายน 2558
การยกเครื่องสายการบินครั้งใหญ่เป็นไปตามนโยบายของนายคริสตอฟ มึลเลอร์ (Chrstoph Mueller) ซีอีโอคนใหม่ของบริษัท ที่วางแผนจะปฏิรูปสายการบินให้สามารถกลับมาทำกำไรได้ภายในระยะเวลา 3 ปี
อนึ่ง สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในแง่ประสิทธิภาพและภาพลักษณ์ของบริษัท หลังเกิดโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญกับเครื่องบินเที่ยวบิน MH370 และ MH17 ต่อเนื่องกันในปี 2557
แหล่งที่มา: channelnewsasia.com
มาเลเซียพร้อมประท้วงหากเรือลาดตระเวนจีนล่วงล้ำเขตเศรษฐกิจพิเศษ
นายชาฮิดาน กัซซิม (Shahidan Kassim) รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติมาเลเซียเปิดเผยในบทสัมภาษณ์กับ The Wall Street Journal ว่า มาเลเซียพร้อมประท้วงอย่างเต็มที่หากเรือลาดตระเวนของจีนล่วงล้ำน่านน้ำเขตเศรษฐกิจพิเศษของตน
นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่า มาเลเซียผิดหวังกับท่าทีของจีน เนื่องจากในปัจจุบัน เรือลาดตระเวรของจีนทอดสมอรอบ Luconia Shoals ที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ใกล้กับบริเวณนั้นมีแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติบริษัท Petronas ของมาเลเซีย
อนึ่ง แม้ก่อนหน้านี้มาเลเซียจะค่อนข้างสงวนท่าทีในการแสดงการคัดค้านการกระทำของจีนมาตลอด แต่ในการประชุม Shangri-La Dialogue ที่สิงคโปร์ เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นายฮิชามมุดดิน ฮุซเซน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของมาเลเซียได้กล่าวเตือนว่า ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้อาจลุกลามจนกลายเป็นความขัดแย้งที่ร้ายแรงที่สุดในยุคนี้
แหล่งที่มา: wsj.com
มหาเธร์เสนออาเซียนทบทวนนโยบายไม่แทรกแซงระหว่างกันหลังเผชิญปัญหาโรฮีนจา
มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวปาฐกถาในงานประชุมนานาชาติที่มาเลเซีย ระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่อาเซียนต้องทบทวนนโยบายไม่แทรกแซงกิจการภายในระหว่างกัน อันเป็นหัวใจหลักของการดำเนินงานของอาเซียนมาตลอดกว่า 50 ปี หลังนโยบายดังกล่าวกลายเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮีนจา
นายมหาเธร์ระบุว่า อาเซียนควรไม่แทรกแซงกิจการภายในที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและการระหว่างประเทศก็จริง แต่คำว่า “กิจการภายใน” ควรมีขีดจำกัด เขาชี้ว่า การสังหารประชาชนในชาติตัวเองไม่ควรเป็นสิ่งที่อาเซียนยอมรับได้และมองดูเฉยๆ โดยไม่พยายามทำอะไรเลย
นอกจากนี้ เขายังวิจารณ์เมียนมาร์ที่เพิกเฉยต่อการแก้ไขปัญหา พร้อมกล่าวว่า อาเซียนควรขับไล่เมียนมาร์ออกจากการเป็นสมาชิกหากยังคงสังหารประชาชน โดยเฉพาะชนกลุ่มน้อยอย่างชาวโรฮีนจาต่อไป เขาย้ำว่าเมียนมาร์ทำให้อาเซียนเสื่อมเสียชื่อเสียง เนื่องจากอาเซียนเป็นการรวมกลุ่มของประเทศที่เชื่อในความร่วมมือ มิใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ๋
แหล่งที่มา: nst.com.my