อินโดนีเซียร่วมมือจีนสกัดกั้นชาวอุยกูร์เดินทางร่วมกลุ่มหัวรุนแรงในประเทศ
ทางการอินโดนีเซียกำลังร่วมมือกับทางการจีนในการสกัดกั้นชาวอุยกูร์ไม่ให้เดินทางเข้ามาร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรงมุสลิมในประเทศอินโดนีเซีย หลังมีรายงานข่าวว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้มีส่วนร่วมในกลุ่มก่อการร้ายได้ 13 คนในเกาะชวา ในจำนวนนี้มีชาวอุยกูร์ที่สวมชุดระเบิดพลีชีพอยู่หนึ่งคน
นายซาอุด อุสมัน นาซูชัน (Saud Usman Nasution) หัวหน้าหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ชาวอุยกุร์เดินทางจากเขตปกครองตนเองซินเจียงของจีนผ่านเมียนมา ไทย มาเลเซีย มายังอินโดนีเซีย โดยอาศัยความช่วยเหลือจากเครือข่ายการค้ามนุษย์และกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (IS)
ปัจจุบัน อินโดนีเซียร่วมมือกับจีนตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บัตรเอทีเอ็ม โทรศัพท์มือถือ เพื่อสืบหาความเชื่อมโยงของสมาชิกเครือข่ายเหล่านี้และสกัดกั้นการเดินทางก่อนมาถึงอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนตั้งข้อสังเกตว่า การเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้ายของชาวอุยกูร์เป็นปฏิกิริยาต่อการปราบปรามชนกลุ่มน้อยของทางการจีนเอง ฉะนั้น การใช้ความรุนแรงจึงไม่อาจแก้ไขปัญหานี้ได้ในระยะยาว
แหล่งที่มา: news.yahoo.com
เหตุระเบิดกลางกรุงจาการ์ตา คาดฝีมือกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม
เมื่อเช้าวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุระเบิดรุนแรงหลายระลอกที่เกิดขึ้นกลางกรุงจาการ์ตาในย่านศูนย์การค้า ใกล้ทำเนียบประธานาธิบดีและสำนักงานขององค์การสหประชาชาติ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน และบาดเจ็บอย่างน้อย 19 คน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าในจำนวนนี้ เป็นผู้ก่อการร้ายที่เสียชีวิตระหว่างยิงต่อสู้ 5 คน
ผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนให้ข้อมูลตรงกันว่า คนร้ายบุกเข้าไปในร้านกาแฟและจุดระเบิด และหลังจากเจ้าหน้าที่เดินทางมายังจุดเกิดเหตุแล้วก็ได้ยิงต่อสู้กับคนร้ายที่ร้านกาแฟแห่งนี้ ขณะที่ได้เกิดระเบิดตามมาอีกหลายครั้ง ตำรวจได้ไล่ล่าติดตามคนร้าย และยิงต่อสู้กันนานหลายชั่วโมง
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซียเปิดเผยว่าผู้ก่อเหตุอย่างน้อยสองคนเสียชีวิตขณะยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ขณะที่อีกสองคนจุดชนวนระเบิดสังหารตัวเองที่ป้อมตำรวจแห่งหนึ่ง
แม้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอินโดนีเซียจะกล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่ากลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (IS) อยู่เบื้องหลังการกระทำครั้งนี้ แต่มีรายงานว่า ตัวแทนกลุ่มดังกล่าวได้ออกแถลงการณ์แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ พร้อมชี้ว่าพวกเขามุ่งเป้าหมายไปที่ชาวต่างชาติที่มาจากประเทศพันธมิตรที่ร่วมรบต่อต้านกลุ่มของตนในอิรักและซีเรีย
แหล่งที่มา: BBC Thai และ independent.co.uk