กองทัพเมียนมาปลด “Child soldiers” หวังยุติการใช้ทหารเด็ก
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กองทัพเมียนมา ได้ดำเนินการปลดปล่อยทหารเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจำนวน 46 คน คืนสู่ครอบครัว พร้อมเดินหน้ายุติการใช้ทหารเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเพื่อป้องกันไม่ให้ตกอยู่ในสภาวะปัญหาความขัดแย้ง
ด้านองค์การยูนิเซฟ หรือกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติเปิดเผยว่า การปลดปล่อยทหารเด็กครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าพึงพอใจ เพื่อนำไปสู่การยุติขบวนการการใช้ทหารเด็กเพื่อไม่ให้เด็กและเยาวชนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาความขัดแย้งรุนแรงต่างๆ ภายในและระหว่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติร่วมกับครอบครัว รวมถึงพัฒนาศักยภาพของตนไปในด้านต่างๆ
นอกเหนือไปจากกองทัพเมียนมาแล้ว องค์การสหประชาชาติยังระบุถึงกองกำลังทหารกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการจัดตั้งขบวนการผลิตทหารเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเช่นนี้อีกอย่างน้อย 7 กลุ่ม ได้แก่ the Democratic Karen Benevolent Army (DKBA), Kachin Independence Army (KIA), Karen National Liberation Army (KNLA), Karen National Liberation Army Peace Council, Karenni Army (KA), Shan State Army South (SSA-S) และ United Wa State Army (UWSA) ในฐานะเป็นกลุ่มผู้กระทำผิดถาวร (persistent perpetrators) อีกด้วย
แหล่งที่มา: The Irrawaddy
‘ติ่น จ่อ’ ปธน.พลเมืองคนแรกของเมียนมารอบ 50 ปี
รัฐสภาเมียนมาเสนอชื่อนาย ‘ติ่น จ่อ’ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ ถือเป็นประธาธิบดีพลเมืองคนแรกในรอบ 50 ปีของเมียนมา
การเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของเมียนมาครั้งนี้ มีผู้ถูกเสนอชื่อจำนวน 3 คน โดยสมาชิกสภาเมียนมาลงคะแนนเสียงเลือกนายติ่น จ่อ มาเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยคะแนน 360 เสียง จาก 652 เสียง
ส่วนผู้ถูกเสนอชื่ออีก 2 คน ได้คะแนนเสียงลดหลั่นกันลงมา ได้แก่ นายมยินท์ ส่วย บุคคลที่ทางกองทัพเมียนมาเสนอชื่อ ได้รับคะแนน 213 เสียง ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีลำดับที่ 1 และนายเฮนรี วาน ติอู ผู้ถูกเสนอชื่อจากพรรคเอ็นแอลดี (NLD) อีกคนหนึ่ง ได้รับคะแนน 79 เสียง ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีลำดับที่ 2
นายติ่น จ่อ ได้รับความไว้วางใจจากนางอองซาน ซูจีเป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยมีบุคลิกภาพที่ไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมือง จบการศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ จากประเทศอังกฤษ สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว อีกทั้งยังเป็นลูกครึ่งพม่า-มอญ ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างความสมานฉันท์ระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมาอีกด้วย
โดยประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดีทั้งหมด จะเข้าพิธีสาบาญตนและปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 1 เมษายนนี้ เป็นวันแรก
แหล่งที่มา: BBC News