อินโดนีเซียประกาศมาตรการฉุกเฉินพร้อมรับไฟป่า
เมื่อวันอังคารที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ทางการจังหวัดริอาว ประเทศอินโดนีเซีย ได้ประกาศมาตรการฉุกเฉินเพื่อรับมือกับไฟป่าและปัญหาหมอกควันพิษ โดยยืนยันว่าขณะนี้สถานการณ์ยังควบคุมได้ แนวไฟยังอยู่ห่างจากเขตชุมชน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจราว 500 นาย พร้อมด้วยเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิงเร่งเข้าควบคุมเพลิง
สถานการณ์ไฟป่าในหลายพื้นที่ของอินโดนีเซียเมื่อปี 2558 สร้างความเสียหายมูลค่า 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 565,909 ล้านบาท) และทำให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว โดยเพลิงส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการเผาเพื่อทำเกษตรกรรม ซึ่งไฟยิ่งลุกลามรุนแรงเมื่อมีปัจจัยเสริมจากฤดูแล้งที่ยาวนานโดยมีอิทธิพลมาจากปรากฏการณ์เอลนินโญ
ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด สั่งจับตาจุดฮอตสปอตอย่างใกล้ชิด และเร่งให้มีการฟื้นฟูพื้นที่ป่าพรุต้นเพลิงราว 12.65 ล้านไร่ เนื่องจากเป็นแหล่งเชื้อเพลิงอย่างดี อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่ผ่านมาในการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ให้ผลลัพธ์เพียงเล็กน้อย โดยสถานการณ์ในปีที่แล้วฟื้นคืนดีขึ้นเนื่องจากช่วงเวลาที่เริ่มเข้าสู่ช่วงหน้าฝน
แหล่งที่มา: channelnewsasia.com และ lokwannee.com
กองทัพอินโดนีเซียถูกกล่าวหาอยู่เบื้องหลังบริษัทเหมืองแร่
ผู้นำชาวโปแตสเตนท์และคาทอลิกในเขตติมอร์กลางตอนใต้ จังหวัดนุสา เตงการา ตะวันออก โจมตีกองทัพอินโดนีเซียว่าอยู่เบื้องหลังบริษัทเหมืองแร่และคุกคามชาวบ้านในพื้นที่ หลังมีการเผยแพร่ภาพถ่ายทหารกำลังให้ความช่วยเหลือแรงงานเหมืองแร่ในไซต์งานของบริษัท PT Soe Makmur Resources ซึ่งดำเนินการขุดเหมืองแร่ในพื้นที่พิพาท
บาทหลวงมิคาอิล เปรูเฮ (Michael Peruhe) กล่าวว่ากองทัพอินโดนีเซียช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับบริษัทเหมืองแร่ ทั้งยังข่มขู่คุกคามแกนนำภาคประชาชนที่ออกมาต่อต้านการขุดเหมืองแร่ในเขตติมอร์กลางตอนใต้ นอกจากนี้ กองทัพยังทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้บริษัทดังกล่าว ด้วยการประชาสัมพันธ์ชักชวนให้ประชาชนยินยอมให้บริษัทเหมืองแร่ดำเนินการในพื้นที่ได้
บริษัท PT Soe Makmur Resources ได้รับสัมปทานให้เข้ามาดำเนินการขุดเหมืองแร่ในพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ปี 2551 อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านในพื้นที่ต่างออกมาคัดค้านการขุดเหมืองแร่ในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากสัมปทานที่บริษัทได้รับครอบคลุมถึงพื้นที่ทางการเกษตรของประชนชน อีกทั้งยังส่งผลต่อทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะแหล่งน้ำบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย
แหล่งที่มา: ucanews.com