สปป.ลาวร่วมมือจีน ผลักดันเศรษฐกิจและการค้า
ในวาระครบรอบ 55 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตลาว – จีน ทั้งสองประเทศได้ถือโอกาสนี้ในการหารือกระชับความสัมพันธ์ผ่านการส่งเสริมกรอบความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจร่วมกัน
นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีของ สปป.ลาว และนายเกา หูเจิง (Gao Hucheng) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน ร่วมลงนามข้อตกลงทวิภาคีเรื่องการร่วมมือผลักดันเศรษฐกิจ และสนับสนุนการค้า-การลงทุน
ขณะนี้ จีนวางแผนสร้างเส้นทางรางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมมณฑลยูนนาน ตอนใต้ของจีน สู่ สปป.ลาว เชื่อมต่อกับไทย มาเลเซีย ไปยังสิงคโปร์ เพื่อใช้เป็นเส้นทางในการเชื่อมโยงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจระหว่างกัน
แหล่งที่มา: english.cctv.com และ news.xinhuanet.com
ลาวแนะผู้แทนฯ เลี่ยงพูดเรื่องสิทธิ์ในการประชุมสภาประชาชนอาเซียน
สปป.ลาว คัดเลือกผู้แทนประเทศเพื่อเข้าร่วมการประชุมสภาประชาชนอาเซียน พร้อมกำชับให้หลีกเลี่ยงการพูดถึงปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนภายในประเทศ
สปป.ลาว กำชับให้ผู้แทนประเทศทุกคนซึ่งคัดเลือกโดยทางการ หลีกเลี่ยงการพูดถึงประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในเรื่องหนึ่งใดอย่างเฉพาะเจาะจงในการประชุมสภาประชาชนอาเซียน (ASEAN People’s Forum) ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน 2559 (ASEAN Summit 2016)
สำหรับประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่ สปป.ลาวไม่ต้องการให้มีการพูดถึงนั้น หลายฝ่ายคาดว่าน่าจะเป็น กรณีของนายสมบัด สมพอน นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนที่หายตัวไปเมื่อปี 2555 นอกจากนี้ สปป.ลาว ไม่อนุญาตให้มีการจัดการประชุมสภาประชาชนอาเซียนภายในประเทศ อย่างไรก็ดี การประชุมดังกล่าวจะดำเนินการต่อไปและคาดว่าจะจัดขึ้นที่ติมอร์–เลสเต้
แหล่งที่มา: rfa.org
ลาวหันพึ่งสหรัฐฯและยุโรป หวังเพิ่ม GDP
สปป.ลาว มีเป้าหมายเปลี่ยนภาพลักษณ์จากการเป็นประเทศที่พึงพิงจีนและหันรับการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป เพื่อบรรลุสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง
นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีของ สปป.ลาว เปิดเผยว่า ทางการมีเป้าหมายยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง (Upper-middle-income economy) ให้ได้ภายในปี 2573/2030 นี้
ทั้งนี้ สปป.ลาว จำเป็นต้องสร้างภาพลักษณ์ในฐานะประเทศที่เป็นอิสระ และรับการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป มากกว่าการมุ่งแต่พึ่งพาจีน วิธีการหนึ่งคือการออกมาตรการปราบปรามกลุ่มลักลอบตัดไม้เพื่อส่งออกไปยังจีนและเวียดนามอย่างจริงจัง
แหล่งที่มา: asia.nikkei.com