ประธานาธิบดี โรดริโก ดูแตร์เต ของฟิลิปปินส์ ขู่ว่าฟิลิปปินส์จะถอนตัวจากการเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อตอบโต้กรณีที่ UN วิพากษ์วิจารณ์ว่านโยบายทำสงครามปราบปรามยาเสพติดของเขาเป็นการก่อ “อาชญากรรม”
นายดูแตร์เตกล่าวโจมตีว่า ผู้เชี่ยวชาญของ UN ต่าง “โง่เขลา” และ “หยาบคาย” ที่พูดวิจารณ์นโยบายแก้ปัญหายาเสพติดของเขา พร้อมเรียกร้องให้ UN ถอดถอนสมาชิกภาพของฟิลิปปินส์และคืนเงินที่ฟิลิปปินส์นำสมทบแก่ UN ด้วย
นายดูแตร์เต กล่าวว่า ที่ผ่านมา UN มักเอาแต่วิจารณ์ แต่ไม่เคยเข้าไปช่วยแก้ปัญหายาเสพติดหรือให้ความช่วยเหลือใด ๆ แก่ฟิลิปปินส์ พร้อมกับชี้ว่า UN ก็ล้มเหลวในการต่อสู้กับปัญหาความอดอยาก การก่อการร้าย และไม่สามารถหยุดยั้งการเข่นฆ่าพลเรือนในอิรักและซีเรียได้ นายดูแตร์เตบอกว่า เขาอาจหารือกับจีนและชาติในแอฟริกาเพื่อร่วมกันก่อตั้งองค์กรระหว่างประเทศที่คล้ายกับ UN ขึ้นมาเอง
ด้านนายแปร์เฟกโต ยาซาย จูเนียร์ (Perfecto Yasay Jr.) รัฐมนตรีต่างประเทศของฟิลิปปินส์ ได้ออกมาแก้ตัวในกรณีนี้ว่า ฟิลิปปินส์จะไม่ลาออกจากการเป็นสมาชิกของ UN โดยกล่าวว่า ยังคงมีความมั่นใจต่อ UN เพียงแต่ผิดหวังกับผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานระหว่างประเทศนี้
นอกจากนี้ เขายังชี้แจงด้วยว่า ประธานาธิบดีดูแตร์เตไม่เคยขู่ว่าจะถอนตัวจากการเป็นสมาชิก แต่เป็นการแสดงอาการผิดหวังต่อความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญของ UN มากกว่า
ขณะที่ปฏิบัติการสงครามต่อต้านยาเสพติดตามยโยบายของนายดูแตร์เตนั้น พบว่ามีผูู้ถูกสังหารไปแล้วกว่า 1,916 คน ตลอดช่วง 7 สัปดาห์ของการทำสงครามปราบปรามยาเสพติด โดยในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิตในปฏิบัติการของตำรวจเพียง 756 ราย ส่วนที่เหลือนั้นยังต้องสอบสวนเพิ่มเติม ตามการเปิดเผยของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของฟิลิปปินส์ระหว่างการให้ปากคำต่อวุฒิสภา
การให้ปากคำต่อวุฒิสภาดังกล่าวมีขึ้น หลังนางเลลา เด ลิมา วุฒิสมาชิกผู้หนึ่งเรียกร้องให้ทางการอธิบายถึงสาเหตุที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากการปราบปรามยาเสพติดพุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยในการให้ปากคำครั้งนี้ มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและญาติของผู้เสียชีวิตเข้าร่วมด้วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์ยังระบุว่า ผู้ที่ถูกสังหารไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดทุกราย โดยพบว่ามีถึง 40 รายที่ถูกสังหารเพราะเกี่ยวข้องกับคดีปล้นทรัพย์หรือความขัดแย้งส่วนตัวอื่น ๆ เขายังบอกว่าตำรวจไม่มีนโยบายสั่งฆ่าผู้ขายและผู้เสพยาเสพติดไม่เลือกหน้า
แหล่งที่มา: philstar.com และ BBC Thai