บรูไนเป็นประเทศเล็กมีประชากรราว 4 แสนคน โดยร้อยละ 67 เป็นชาวมุสลิม ร้อยละ 13 เป็นชาวพุทธ และร้อยละ 10 เป็นชาวคริสต์และร้อยละ 10 นั้นนับถือศาสนาอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคำถามต่อประชากรชาวบรูไน 1 ใน 3 นั้นยังมีเสรีภาพทางศาสนาหรือไม่
ในบรูไนมีโบสถ์ของชาวคริสต์รวม 3 แห่ง ซึ่งในวิถีชีวิตในทุกวันของชาวคริสต์นั้นรู้สึกถึงการได้รับผลกระทบจากกฎหมายลงโทษผู้กระทำผิดแบบอิสลาม (hudud law) ทั้งนี้ได้ปรากฏกระแสข่าวบนสื่อออนไลน์ว่า ทางชาวแดนตะวันตกของรัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย จะรื้อถอนโบสถ์คริสต์
เมื่อนักข่าวจาก Sin Chew Daily กำลังซื้ออาหารอยู่ในร้านอาหารจีนในบรูไน ได้มีโอกาสพบกับคู่สามีภรรยาชาวคริสต์จากซาราวัก โดยทั้งคู่อาศัยอยู่ในบรูไนมานานกว่า 55 ปี จากนั้นมีการพูดคุยกันเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ของชาวคริสต์ในบรูไน ทั้งคู่เล่าว่า ทางการบรูไนอนุญาตให้มีโบสถ์คริสต์เพียง 3 แห่งเท่านั้น คือ โบสถ์เซนต์แอนดรู นิกายแองกลิกัน โบสถ์เซนต์จอร์จ นิกายคาทอลิค และโบสถ์เซนต์จอร์น
นอกจากนี้ คู่สามีภรรยายังเล่าต่อด้วยว่า ชาวคริสต์ในบรูไนได้รับอนุญาตให้สามารถฉลองเทศกาลคริสต์มาสได้เพียงที่โบสถ์หรือในบ้านเท่านั้น แต่ไม่สามารถจะจัดข้างนอกหรือตามร้านค้าทั่วไปได้ การประดับตกแต่งเนื่องในวันคริสต์มาสและการส่งบัตรอวยพรในวันนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมายของประเทศนี้
รัฐบาลบรูไนยังมีงานเฉพาะที่จะบรรจุสำหรับชาวมุสลิมเท่านั้น นอกจากนี้ชาวคริสต์ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ตัวเขียนภาษามาเลย์เพื่อเขียนคัมภีร์ไบเบิลอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ในบรูไนยังมีวัดแบบจีนเพียงแห่งเดียวที่ทางการรับรู้ และมีอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว ตั้งอยู่กลางกรุงบันดาเสรีเบกาวัน และเช่นเดียวกับโบสถ์คริสต์ วัดในศาสนาพุทธจะไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลบรูไนให้ก่อสร้างขึ้นใหม่
ชาวมุสลิมบรูไนยังกล่าวด้วยว่า พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เฉลิมฉลองเนื่องในเทศกาลวาเลนไทน์ และปรากฏว่ามีเยาวชนบรูไนจำนวนมากได้แสดงออกไม่ถูกต้องในวันนี้ทั้งๆ ที่เป็นวันสำคัญของศาสนาคริสต์ นอกจากนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองชาวมุสลิมยังถูกห้ามไม่ให้มอบหมายบุตรหลานของตนไปอยู่ในการดูแลของครอบครัวที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมอีกด้วย
แหล่งที่มา: thestar.com.my