กองทัพฟิลิปปินส์ควบคุมพื้นที่เมืองมาราวีได้แล้วประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์
รัฐบาลฟิลิปปินส์กล่าวว่า กองทัพสามารถควบคุมพื้นที่เมืองมาราวีได้แล้วราวร้อยละ 90 ภายหลังจากทำการต่อสู้กับกลุ่มเมาเต ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายเครือข่ายขบวนการรัฐอิสลาม
อย่างไรก็ตาม ชาวเมืองมาราวีหลายพันคนถูกบังคับให้อพยพออกจากเมือง ขณะที่เดียวกันก็ยังมีนักรบของกลุ่มก่อการร้ายอยู่ในเมืองมาราวีอีกราว 150 คน โดยผู้อพยพจำนวนมากอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพหลายแห่งในจังหวัดลาเนา ทั้งนี้ กองทัพฟิลิปปินส์ได้รายงานยอดผู้เสียชีวิตประมาณ 290 คน โดยเป็นผู้ก่อการร้าย 206 คน ทหารฟิลิปปินส์ 58 นาย และพลเรือน 26 คน
ขณะเดียวกัน กองทัพฟิลิปปินส์ก็ได้เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้ช่วยเหลือฟิลิปปินส์ในปฏิบัติการยึดเมืองมาราวีคืนจากฝ่ายก่อการร้าย โดยเป็นเพียงการสนับสนุนทางด้านเทคนิคและไม่มีทหารสหรัฐ เข้าไปร่วมสู้รบภาคพื้นดินในพื้นที่จริง และรัฐบาลฟิลิปปินส์เป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ซึ่งทางสถานทูตสหรัฐฯ ยืนยันในเรื่องดังกล่าว
ทางด้านโฆษกกองทัพฟิลิปปินส์ยังบอกว่าด้วย กำลังตรวจสอบรายงานข่าวที่ระบุว่า นายโอมาร์และนายอับดุลเลาะห์ เมาเต สองพี่น้องเมาเต ที่เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มเมาเสียชีวิตแล้วในระหว่างการสู้รบ โดยเขาระบุว่ามีความเป็นไปได้สูงที่สองพี่น้องเมาเตเสียชีวิตแล้วจริง
ขณะที่ชาติอาเซียนอย่างอินโดนีเซียกล่าวว่า กำลังมองหาการจัดตั้งหน่วยลาดตระเวนร่วมกับฟิลิปปินส์และมาเลเซียเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มก่อการร้ายที่ยึดเมืองมาราวีได้เข้าสู่น่านน้ำในเขตประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย โดยการพบปะกันระหว่างผู้นำกองทัพของอินโดนีเซีย มาเลเซียและฟิลิปปินส์ได้มีการหารือเกี่ยวกับข้อตกลงด้านความมั่นคงที่เพิ่มขึ้นและการลงนามในข้อตกลงการลาดตระเวนร่วมกัน
ทางด้านผู้นำฟิลิปปินส์และกองทัพฟิลิปปินส์ได้ชักชวนชาวฟิลิปปินส์ให้สนับสนุนและให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายโดยการเขียนจดหมายหรือข้อความส่งให้เพื่อเป็นการเพิ่มกำลังใจในการทำงานของพวกเขา โดยกองทัพได้เปิดตัวโครงการบรรเทาทุกข์ชาวเมืองมาราวีจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น รวมถึงกองกำลังความมั่นคงที่กำลังต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายให้สามารถฟื้นฟูเข้าสู่ภาวะปกติ ผ่านโปรแกรมที่เรียกว่า #OgopMarawi ซึ่งหมายถึง ช่วยมาราวี และเป็นโอกาสที่จะส่งคำพูดเป็นกำลังใจให้ทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่
แหล่งที่มา philstar.com , bbc.com และ aljazeera.com
ศาลสูงสุดฟิลิปปินส์เริ่มไต่สวนคำร้องของ ส.ส.ฝ่ายค้านให้ยกเลิกกฎอัยการศึกของดูแตร์เต
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา ศาลสูงสุดของฟิลิปปินส์สรุปผลการไต่สวนปากเปล่าซึ่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคฝ่ายค้าน 6 คน เพื่อให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึกของประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ในพื้นที่มินดาเนาหลังการปะทะกันของกองกำลังของรัฐบาลกับกลุ่มเครือข่ายกองกำลังรัฐอิสลาม ซึ่งก่อเหตุยึดบางส่วนของเมืองมาราวีเอาไว้
ในการไต่สวนวันที่ 2 ส.ส. พรรคฝ่ายค้านแสดงความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินการของทหารในมินดาเนาอาจจะนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970-1980 ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีมาร์กอส
ด้านหัวหน้าคณะผู้พิพากษากล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นงานที่ซับซ้อนของศาลในการกำหนดเหตุที่จะสามารถประกาศใช้กฎอัยการศึกษาได้ภายใต้กฎหมายในปัจจุบัน ไม่ใช่เพียงแค่จะตัดสินว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับคำร้องของส.ส.ฝ่ายค้านหลังจากที่มีการไต่สวนแล้วนั้น
กลุ่ม ส.ส.ผู้ฟ้องร้องเรียกร้องให้ศาลสั่งยุติกฎอัยการศึกดังกล่าวลง เนื่องจากขาด “พื้นฐานข้อเท็จจริงที่พอเพียง” ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อจำกัดขอบเขตของกฎอัยการศึก อย่างไรก็ตาม นายดูแตร์เต เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่าตนจะไม่สนใจคำตัดสินของศาล แต่จะฟังข้อเท็จจริงจากทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เท่านั้น
แหล่งที่มา philstar.com และ prachachat.net