เมื่อระหว่างวันที่ 30-31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะกรรมการเจรจาทางการค้าสำหรับการจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง (ASEAN-Hong Kong FTA TNC: AHKFTA TNC) ครั้งที่ 10 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย
การประชุมครั้งนี้ อาเซียนและฮ่องกงได้ข้อสรุปการเจรจาในทุกประเด็นและดำเนินการขัดเกลาภาษาทางกฎหมายเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากที่มีการเจรจาการค้าเสรีมาตั้งแต่ปี 2557 และได้กำหนดให้ประกาศความสำเร็จในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ฮ่องกง (AEM – Hong Kong, China Consultations) ครั้งที่ 2 เดือนกันยายนนี้ และให้มีการลงนามในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 31 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ณ ประเทศฟิลิปปินส์
ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน – ฮ่องกง จะเป็นความตกลงฉบับที่ 6 ระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่ค้า หลังจากการลงนามความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ เมื่อปี 2552 สำหรับการจัดทำ FTA ระหว่างอาเซียนกับฮ่องกงจะก่อให้เกิดประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย โดยอาเซียนสามารถใช้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นประตูสู่ตลาดใหญ่อย่างจีน เนื่องจากฮ่องกงมีความตกลงการค้าเสรี (Closer Economic Partnership Arrangement: CEPA) กับจีน ทั้งยังเป็นโอกาสการยกมาตรฐานภาคบริการโดยผู้เชี่ยวชาญจากฮ่องกง โดยเฉพาะด้านการเงิน โลจิสติกส์ และการให้บริการทางกฎหมาย การเข้าสู่แหล่งทุนในฮ่องกง เนื่องจากฮ่องกงมีศักยภาพในการลงทุนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ตามแผนแม่บทด้านความเชื่อมโยงอาเซียน (ASEAN Connectivity)
ฮ่องกงจะได้ประโยชน์ด้านภาษีสินค้าการส่งออกมายังอาเซียนที่ต่ำลง ในขณะที่อาเซียนจะได้ประโยชน์ในด้านต้นทุนและราคาสินค้าในส่วนที่นำเข้าจากฮ่องกงที่ลดลง และการที่ฮ่องกงตกลงในการผูกพันภาษีสินค้าทุกรายการภายใต้ AHKFTA ที่ร้อยละ 0 (ปัจจุบันฮ่องกงไม่ได้ผูกพันสินค้าทุกรายการใน WTO ที่ร้อยละ 0 ซึ่งอาจมีการปรับขึ้นภาษีได้) นอกจากนี้ ฮ่องกงยังให้เงินสนับสนุน จำนวน 25 ล้านเหรียญฮ่องกง สำหรับโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และวิชาการภายใต้ AHKFTAในระยะเวลา 5 ปี หลังความตกลงมีผลบังคับใช้ ซึ่งครอบคลุมความร่วมมือด้านศุลกากร การอำนวยความสะดวกทางการค้าโลจิสติกส์ และ E-Commerce เป็นต้น
แหล่งที่มา dtn.go.th