ผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่ม Ribena ในสิงคโปร์ได้ระงับกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ของตน หลังจากที่เครื่องบรรจุขวดในโรงงานที่มาเลเซียชำรุดและได้ปล่อยให้อากาศเข้าไปในบรรจุภัณฑ์บางขวดซึ่งอาจทำให้เครื่องดื่มเสียก่อนวันหมดอายุที่กำหนด
บริษัท Suntory Beverage & Food Singapore ประกาศว่าได้มีการถอนผลิตภัณฑ์บางอย่างออกจากคลังสินค้าผู้จัดจำหน่ายและผู้ค้าปลีกจำนวน 4 รายการเพื่อเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อนที่สินค้าจะไปอยู่ในมือของผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ที่ถูกเรียกคืนได้แก่ น้ำแบล็คเคอแรนต์ผสมสตรอเบอร์รี่เข้มข้นซึ่งจะหมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ 2561, น้ำแบล็คเคอแรนต์เข้มข้นซึ่งจะหมดอายุในเดือนมิถุนายน 2561, น้ำแบล็คเคอแรนต์และแอปเปิลเข้มข้นซึ่งจะหมดอายุในเดือนพฤษภาคม 2561 และน้ำแบล็คเคอแรนต์เข้มข้นสูตรน้ำตาลกลูโคส ซึ่งหมดอายุในเดือนพฤษภาคม 2561
ทางด้านหน่วยงานด้านเกษตรกรรม อาหารและปศุสัตว์กล่าวว่า ถึงแม้ผลิตภัณฑ์จะไม่ได้รับผลกระทบทุกขวด แต่ผู้บริโภคก็ไม่ควรดื่มผลิตภัณฑ์หากมีรสหรือกลิ่นที่ผิดปกติ ขณะนี้บริษัทผู้ผลิตได้ค้นพบเครื่องบรรจุขวดที่มีปัญหาทำให้อากาศเข้าไปในขวดแบบสุ่มระหว่างการตรวจสอบคุณภาพในโรงงาน
อย่งไรก็ตามผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น Sparkling Ribena, เครื่องดื่มบรรจุกระป๋องแบบแพค, ขวด PET และยาอม ไม่ได้รับผลกระทบจากเครื่องบรรจุขวดที่มีปัญหา โดยการระงับการจำหน่ายสินค้าในสิงคโปร์เป็นการเคลื่อนไหวคล้ายกับที่เกิดขึ้นในมาเลเซียก่อนหน้านี้ ทั้งนี้การผลิตน้ำผลไม้ชนิดเข้มข้นของริเบน่า ยังคงถูกระงับไว้จนกว่าการตรวจสอบโรงงานทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์
ที่มา straitstimes.com
สิงคโปร์มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในประเทศเพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและตอบรับโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน
นายลอว์เรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนที่ 2 กล่าวว่า แม้ประเทศสิงคโปร์อาจดูเหมือนเป็นประเทศที่ถูก “สร้างขึ้น” แต่โครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญซึ่งจะมีขึ้นในช่วง 10 ปีข้างหน้านี้จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
นายหว่องกล่าวเสริมในการประชุมธุรกิจระดับภูมิภาคของสิงคโปร์ ณ โรงแรมริทซ์-คาร์ลตันว่าในแผนที่สิงคโปร์อาจเป็นเพียงจุดสีแดงเล็ก ๆ จนบางคนอาจรู้สึกประทับใจกับศักยภาพในการสร้างประเทศของสิงคโปร์ แต่ในความเป็รจริงแล้วเขาเห็นว่า การสร้างประเทศสิงคโปร์นั้นยังไม่เสร็จสิ้น สิงคโปร์ยังพัฒนาไม่ถึงขีดจำกัดทางกายภาพของประเทศ โดยโครงสร้างพื้นฐานที่สิงคโปร์กำลังขับเคลื่อนนั้น โครงการใหญ่ที่สำคัญ ๆ ตัวอย่างเช่น การสร้างอาคารผู้โดยสารที่ 5 ในสนามบินชางฮีซึ่งจะเพิ่มศักยภาพของสนามบินในทุก ๆ เป็นสองเท่า หรือการสร้างท่าเรือใหม่ในทางตะวันตกของสิงคโปร์ (Tuas mega-port) ซึ่งจะเพิ่มความจุของท่าเรือเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบันได้เป็นสองเท่าเช่นกัน
นายหว่องกล่าวว่าความพยายามเหล่านี้มีเป้าหมายเช่นเดียวกับโครงการอื่น ๆ เป็นการทำเพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อทางรถไฟไปยังมาเลเซีย จะช่วยเพิ่มความเชื่อมโยงของสิงคโปร์กับภูมิภาค สิงคโปร์ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ หากลองมองย้อนไปในประวัติศาสตร์ชาติสิงคโปร์จะพบว่าสิงคโปร์ไม่เคยล้มเหลวในการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกจิมาก่อน ชาวสิงคโปร์ กลุ่มทุนธุรกิจควรมีความมั่นใจในศักยภาพและข้อตกลงความร่วมมือต่าง ๆ ของประเทศ ทั้งนี้เขายังย้ำอีกว่าสิงคโปร์สนับสนุนโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของจีนอย่างเต็มที่ โดยระบุว่าบริษัทในสิงคโปร์เป็น “คู่ค้าโดยธรรมชาติ” สำหรับบริษัทจีนที่ต้องการหาคู่ค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
straitstimes.com