หน่วยงานด้านสาธารณสุขของอินโดนีเซียเตรียมเปิดตัววัคซีนป้องกันโรคในสัปดาห์หน้าเพื่อไม่ให้ จำนวนผู้ป่วยโรคคอตีบขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้เสียชีวิตอย่างน้อย 32 คนรวมทั้งเด็กหลายคนในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกในปีนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่านับตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมามีผู้ป่วยได้รับเชื้อโรคคอตีบอย่างน้อย 591 ราย โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 42 จากปีที่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นการระบาด “กรณีพิเศษ” ดร. โมฮัมหมัด ซูบูห์ (Mohamad Subuh) ผู้อำนวยการด้านการป้องกัน และควบคุมโรคในกระทรวงกล่าวว่า “เราเห็นว่ามีอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยในปีที่ผ่านมา พวกเราจึงต้องออกมาตรการให้วัคซีนต้านไวรัสเพื่อป้องกันโรค
ทางกระทรวงได้บันทึกว่ามีผู้ติดเชื้อ 415 ราย และเสียชีวิตไปแล้ว 24 รายในปีที่ผ่านมา อินโดนีเซียมีอัตราประชากรที่เป็นโรคคอตีบสูงที่สุดในโลก เช่นเดียวกับอินเดีย และประเทศในแถบแอฟริกา แม้ว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยลดปัญหาโรคคอตีบได้ทั่วโลกภายใน 30 ปีที่ผ่านมา
องค์การอนามัยโลกรายงานว่ามีผู้ป่วยประมาณ 7,000 รายทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว เมื่อปีพ. ศ. 2523 ตัวเลขผู้ป่วยสูงถึง 100,000 ราย โรคคอตีบเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่แพร่กระจายผ่านการสัมผัสทางกายภาพอย่างใกล้ชิด หรือผ่านทางอากาศและอาจถึงแก่ชีวิตได้ อาการของโรคได้แก่ ไข้ เจ็บคอและทางเดินหายใจอาจติดขัดได้
ทั้งนี้ไม่มีผู้ป่วยคนได้ในอินโดนีเซียที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคมาก่อน ดร.ซูบูห์กล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของโรคนี้ เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ รวมทั้งบางคนปฏิเสธการฉีดวัคซีน และการขาดการเข้าถึงการดูแลสุขภาพสมาคมกุมารแพทย์อินโดนีเซียจึงออกมาสนับสนุนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการฉีดวัคซีน ภายใต้การรณรงค์ว่า “การสร้างภูมิคุ้มกันเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด” โดยการฉีดวัคซีนจะดำเนินการในเมืองหลวงจาการ์ตาและจังหวัดใกล้เคียงสองแห่งที่รายงานว่ามีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุด และการรณรงค์ในครั้งนี้จะขยายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป
ที่มา straittimes.com