อินโดนีเซียเตรียมเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวน 180,000 ราย เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่จะถึงนี้ ก่อนที่ต่อมาจะมีการจับกุมผู้ต้องสงสัยมากกว่า 12 คนในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก
โดยผู้ต้องสงสัยว่าจะก่อการร้าย 13 คนถูกจับและแยกตัวออกไปก่อนที่จะบุกจู่โจมประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ผู้ต้องสงสัยหลายคนได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่ม ISIS ในอิรักและซีเรีย หรือได้เข้าร่วมต่อสู้ในซีเรีย
นายมาร์ตินุส สิโทมพุล (Martinus Sitompul) โฆษกสำนักงานตำรวจอินโดนีเซีย กล่าวว่าไม่มีการตรวจพบภัยคุกคาม หรือร่องรอยการก่อการร้ายใด ๆ
ตั้งแต่ผู้ต้องสงสัยถูกจับกุม ทว่าการรักษาความปลอดภัยจะเพิ่มขึ้นเพื่อปกป้องโบสถ์ และพื้นที่สาธารณะ ระหว่างวันที่ 22 ธ.ค. – 2 ม.ค. โดยทางตำรวจจะติดตามและและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยคนจากหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ และกลุ่มประชาสังคม รวมถึงองค์กรเยาวชนอิสลามที่ใหญ่ที่สุดของประเทศทั้งหมดราว 70,000 คน จะช่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าระวังสถานการณ์
อินโดนีเซียเป็นหมู่เกาะที่มีประชากรมากกว่า 250 ล้านคน และได้ปะทะกับกลุ่มก่อการร้ายอิสลามเป็นเวลานาน ทั้งนี้อินโดนีเซียเคยได้รับความเสียหายจากการโจมตีด้วยระเบิดอย่างร้ายแรงรวมในวันคริสต์มาสอีฟเมื่อปีพ. ศ. 2543 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 รายและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ต่อมาในปีพ. ศ. 2545 ก็เกิดเหตุระเบิดในไนต์คลับบนเกาะบาหลีทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200 ราย ในขณะที่เมื่อเร็ว ๆ นี้เกิดเหตุระเบิดพลีชีพ และการบุกโจมตีด้วยอาวุธปืนโดยอ้างว่าเป็นฝีมือของ ISIS ในกรุงจาการ์ตาทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คนในเดือนมกราคมปีที่แล้ว ฉะนั้นการเฝ้าระวังสถานการณ์ในช่วงเทศกาลสิ้นปีจึงเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนกังวลและไม่อาจละเลยได้
ที่มา channelnewsasia.com
ที่มาภาพ straittimes