ข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีของบรูไนนับเป็นข่าวที่สำคัญตั้งแต่ต้นปีนี้ ด้วยเหตุที่การเมืองของบรูไนมีเสถียรภาพ ข่าวคราวสับเปลี่ยนตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีจึงเป็นประเด็นที่สื่อทั่วโลกจับตามอง สมเด็จพระราชาธิบดีฮัสซานัล โบลเกียห์ทรงแถลงถึงสาเหตุการปรับคณะรัฐมนตรีก็เพื่อปรับโครงสร้างการทำงานสำหรับการต่อสู้กับสภาพย่ำแย่ทางเศรษฐกิจของประเทศจากการที่ราคาพลังงานตกต่ำช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยการปรับคณะรัฐมนตรีเกิดขึ้นในทุกๆ 5 ปี ซึ่งครั้งล่าสุดคือ เมื่อเดือนตุลาคม 2558 ขณะที่การประกาศปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 ปรากฏว่า รัฐมนตรีหลายคนที่เคยดำรงตำแหน่งมายาวนานได้ถูกปรับออก นอกจากนี้ยังมีสุภาพสตรีสองท่านได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการในสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงศึกษาธิการ ขณะเดียวกันการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้มีพระราชวงศ์ที่อยู่ในคณะรัฐบาลเพียง 2 พระองค์ ได้แก่ สุลต่านบรูไนทรงคุมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศและการค้า ส่วนมกุฎราชกุมารทรงเป็นรัฐมนตรีอาวุโสประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
หลังการปรับคณะรัฐมนตรีไม่นาน รัฐบาลก็ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี 2561-2562 ต่อรัฐสภา ซึ่งร่างงบประมาณนี้ได้เพิ่มเงินในภาคเศรษฐกิจไม่ใช่พลังงาน โดยเฉพาะการเน้นภาคเศรษฐกิจ ICT การเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของ GDP ของประเทศ ตลอดจนรัฐบาลยังมุ่งมั่นในการประสานและทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อไปสู่เป้าหมายวิสัยทัศน์บรูไน 2035 ร่างงบประมาณสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่างๆ เช่น ระบบ e-invoice ระบบ Smart-Q เป็นต้น รวมไปถึงการส่งเสริมกิจกรรมการเกษตร และการท่องเที่ยวซึ่งจะเป็นภาคเศรษฐกิจที่สามารถสร้างเม็ดเงินได้มาก
ทั้งนี้ รัฐบาลบรูไนได้ให้ความสำคัญในการปรับปรุงแก้ไขบรรยากาศการลงทุนและการประกอบธุรกิจในประเทศ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ด้วยการช่วยเหลือธุรกิจขนาด SME การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา เพื่อให้เป็นโอกาสในการสร้างงานและรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวของบรูไนกำลังขยายตัวและเป็นจุดหมายปลายทางหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐมนตรีท่องเที่ยวของบรูไนตั้งเป้าว่าในปี 2561 จะมีกิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมบรูไนมากขึ้น
ปิดท้ายที่ข่าวความสัมพันธ์กับไทย เมื่อนายดอน ปรมัติถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยเดินทางเยือนบรูไนเป็นครั้งแรกในฐานะรัฐมนตรีเพื่อหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้า คนที่ 2 ของบรูไน รวมทั้งการเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีของบรูไน ในโอกาสนี้ทั้งไทยและบรูไนร่วมกันขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคีให้มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือด้านการเกษตร และอุตสาหกรรมฮาลาล ในโอกาสนี้ทางบรูไนเห็นชอบสนับสนุนให้มีการต่อสัญญาการซื้อข้าวหอมมะลิจากเอกชนของไทย และซื้อเพิ่มจากปัจจุบันที่นำเข้าอยู่แล้วกว่า 2 หมื่นตัน รวมถึงการช่วยขยายตลาดให้อุตสาหกรรมอาหารฮาลาลของไทยด้วย