home

มาเลเซีย (ก.ค.-ก.ย. 2561)

พฤศจิกายน 16, 2018
มาเลเซีย (ก.ค.-ก.ย. 2561)

สถานการณ์ในมาเลเซียระยะที่ผ่านมาเรื่องที่ได้รับความสนใจย่อมหนีไม่พ้นประเด็นเรื่องการเมือง เมื่อนายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียได้ถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ปราบปรามคอร์รัปชั่นในฐานะผู้ต้องสงสัยในคดีทุจริตหลายคดี โดยเฉพาะเรื่องการยักยอกเงินจำนวนราว 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2.3 หมื่นล้านบาท) จากกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ หรือ 1MDB เขาถูกสอบสวนในข้อหาทุจริตนับตั้งแต่พ่ายแพ้ให้แก่นายมหาเธร์ โมฮัมหมัดในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาโดยปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานายนาจิบยังถูกศาลกัวลาลัมเปอร์สั่งฟ้องอีก 25 กระทง แบ่งเป็นการใช้อำนาจในทางมิชอบ 4 กระทง และฟอกเงิน 21 กระทงจากกรณีที่มีการโอนเงินจากกองทุน 1MDB ที่นาจิบก่อตั้งในปี 2552 เข้าบัญชีของเขาอย่างผิดกฎหมาย นายนาจิบจึงถูกฟ้องในคดีที่เกี่ยวข้องกับกองทุน 1MBD รวมทั้งสิ้น 32 กระทง

ทั้งนี้นายนาจิบได้วางหลักทรัพย์มูลค่ารวม 3.5 ล้านริงกิต (ราว 28 ล้านบาท) เพื่อค้ำประกันตามเงื่อนไขของศาล โดยครึ่งหนึ่งของมูลค่าหลักทรัพย์ต้องชำระทันที ส่วนที่เหลือให้ชำระภายในวันที่ 28 กันยายน และศาลยังสั่งห้ามนายนาจิบเดินทางออกนอกราชอาณาจักรอีกด้วย

นับตั้งแต่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนายมหาเธร์ โมฮัมหมัดได้เดินหน้าทบทวนและยกเลิกโครงการที่เกี่ยวข้องกับข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางจากจีน Belt and Road Initiative (BRI) หลายโครงการ เช่น โครงการท่อส่งก๊าซสามโครงการมูลค่านับพันล้าน อันเนื่องมาจากการพฤติกรรมการชำระเงินที่น่าสงสัย และEast Coast Rail Link ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นโครงการนำร่องหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางในมาเลเซีย เป็นต้น

การชะลอความร่วมมือกับจีนดังกล่าวกระตุ้นให้ประเทศอื่นต้องหันมาทบทวนการเข้าร่วมโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางใหม่หลังจากโครงการได้ทิ้งให้ศรีลังกา และปากีสถานต้องเผชิญกับภาวะหนี้สูญขนาดใหญ่ โดยในระหว่างการเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งนายมหาเธร์ได้เปิดเผยว่าโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการของบริษัทจีนได้ถูกเลื่อนออกไป โดยเขาได้สั่งระงับโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ามากกว่า 727,400 ล้านบาทที่รัฐบาลมาเลเซียในสมัยของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ทำสัญญาไว้กับบริษัทจีนหลายแห่งที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ ทั้งนี้มาเลเซียหวังว่าจีนจะเข้าใจปัญหาการเงินการคลังที่มาเลเซียเผชิญอยู่ในปัจจุบัน


นายมหาเธร์ได้เตรียมประเด็นปัญหาเกี่ยวกับสัญญาที่มีเงื่อนไม่เป็นธรรมเพื่อหารือกับผู้นำของจีนในระหว่างการเยือนจีนเป็นเวลา 5 วัน นายมหาเธร์เคยประกาศไว้ว่ารัฐบาลของเขากำลังพยายามลดหนี้สินของประเทศ ซึ่งมีมากถึง 2.5 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 8.26 ล้านล้านบาท) จึงมีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ซึ่งอาจก่อหนี้ก้อนใหญ่ให้กับประเทศอย่างถี่ถ้วน

จากสถานการณ์การเมืองในและนอกประเทศมาที่สถานการณ์ทางสังคมในประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อจัดการปัญหาครูขาดแคลนในพื้นที่ยะโฮร์ และเซลังกอร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการนางเตียว หนี ชิง กล่าวว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาครูขาดแคลนในพื้นที่เหล่านี้เพราะว่ามีค่าครองชีพสูง และสถานที่ตั้งของโรงเรียน ปัญหาของการขาดครูไม่ได้เกิดเฉพาะในเขตเมือง เช่น ยะโฮร์ และเซลังกอร์เท่านั้นแต่ยังอยู่ในพื้นที่ภายใน เช่น ซาบาห์ และซาราวัคด้วย

malaysia3

แม้ว่าสถานการณ์ในภาพรวมยังอยู่ภายใต้การควบคุมแต่ทว่า กระทรวงจำเป็นต้องหาวิธีแก้ปัญหาที่รวดเร็วและหนึ่งในสิ่งที่กระทรวงกำลังพิจารณาอยู่ก็คือการเพิ่มเงินเดือนเพื่อดึงดูดครูให้เข้ามาทำงานในพื้นที่มากขึ้น โดยพื้นที่สำคัญตอนนี้คือยะโฮร์ บาห์รู และชาห์อลัม เนื่องจากครูไม่ค่อยกระตือรือร้นในการสอนเพราะค่าครองชีพที่สูง  ซึ่งทางกระทรวงกำลังดำเนินการกันเรื่องการเพิ่มค่าเบี้ยเลี้ยงของค่าครองชีพสำหรับครูในพื้นที่เหล่านี้

malaysia1

ปิดท้ายด้วยการประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของมาเลเซียเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งนโยบายนี้จะมีผลบังคับใช้ในปีหน้าโดยปรับค่าแรงเพิ่มเป็น 1,050 ริงกิต (253 ดอลลาร์ หรือ 8,300 บาท) ภายหลังจากที่รัฐบาลเห็นชอบปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้เป็น 5.05 ริงกิตต่อชั่วโมงทั่วประเทศ ที่ผ่านมาค่าแรงขั้นต่ำในมาเลเซียหากเทียบกับประเทศใกล้เคียงอย่างสิงคโปร์นั้นยังนับว่าน้อยมากไม่สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ปัจจุบันค่าแรงในมาเลเซียอยู่ที่ราว 1,000 ริงกิตต่อเดือนขณะที่รัฐซาบาห์ และซาราวัคอยู่ที่ 920 ริงกิต

Leave A Response

คลังข้อมูล

พบกับเราที่ Facebook

Tweets ล่าสุด

No tweets found.

แผนที่อาเซียน