ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ลาวมีแนวโน้มที่จะมีการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจหลังจากที่นาย Thongloun Sisoulith นายกรัฐมนตรีลาวเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ในโอกาสเยือนบรูไนอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาลบรูไน เมื่อวันที่ 16–17 กุมภาพันธ์ 2562
นาย Thongloun ได้เยือนสถานทูตลาวในบูรไน และกล่าวแก่คณะรัฐมนตรีให้มีมาตรการเชิงรุกเพื่อดึงดูดการลงทุนจากบรูไนหลังจากทราบว่าบริษัทในบรูไนมีความต้องการที่จะลงทุนในลาว ขณะที่ Vientiane Times รายงานว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการบรูไนมีความต้องการที่จะลงทุนในลาว คือ การส่งออกน้ำมัน การลงทุนอุตสาหกรรมสัตว์ปีกและนาข้าวเพื่อส่งออกกลับไปยังประเทศ
ดร.Kikeo Chanthaboury รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุนได้กล่าวแก่ Vientiane Times ว่าโรงงานกลั่นน้ำมันในบรูไนได้ให้คำมั่นต่อนายกรัฐมนตรีถึงความตั้งใจที่จะลงทุนในลาว โดยนักทุนบรูไนนั้นตั้งใจที่จะส่งออกน้ำมันดิบมายังท่าเรือ Vung Ang ของเวียดนาม และส่งต่อมายังลาวเพื่อดำเนินกระบวนการกลั่น โดยที่ผ่านมานั้นรัฐบาลลาวและรัฐบาลเวียดนามมีข้อตกลงที่จะพัฒนาท่าเรือ Vun Ang ร่วมกันในจังหวัด Ha Trinh ในตอนกลางของเวียดนาม ซึ่งท่าเรือนี้จะเป็นทางออกสู่ทะเลของลาว เนื่องจากลาวเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
ดร.Kikeo ยังกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีเห็นชอบต่อโครงการที่ทางบรูไนเสนอ เพราะหากน้ำมันดิบได้รับการกลั่นภายในลาวก็จะลดต้นทุนการผลิตลง โดยนายรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าดำเนินการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการที่จะเข้ามาลงทุน และจากเก็บข้อมูลจากบริษัทน้ำมัน 22 แห่งทั่วประเทศแสดงให้เห็นว่า ลาวได้นำเข้าน้ำมันเป็นจำนวนถึง 1.2 พันล้านลิตรในปี 2558
นอกจากอุตสาหกรรมน้ำมันแล้ว ผู้ประกอบการบรูไนยังให้ความสนใจต่อการลงทุนฟาร์มไก่เพื่อเป็นวัตถุดิบอาหารฮาลาลและส่งออกกลับประเทศ โดยผู้ประกอบการบรูไนได้เสนอว่าจะเดินทางมายังลาวเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน ในขณะที่กระทรวงการวางแผนและการลงทุนจะร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและป่าไม้ในการหาทำเลที่เหมาะสมต่อการลงทุนครั้งนี้
นักลงทุนบรูไนยังมีความสนใจในการปลูกข้าวเมล็ดพันธุ์ยาวเพื่อส่งออกกลับไปยังบรูไน กระทรวงการเกษตรและป่าไม้ลาวกล่าวว่า ทำเลที่เป็นไปได้ในการเก็บเกี่ยวสามารถกระทำได้ในแขวงบอลิคำไซและในเมืองสังห์ทองของนครหลวงเวียงจันทร์ หากทั้งสามโครงการ ได้แก่ การกลั่นน้ำมัน กิจการฟาร์มไก่ และการปลูกข้าวเมล็ดพันธุ์ยาว สามารถเกิดขึ้นได้จริง จะก่อให้เกิดแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่สำคัญต่อการลงทุนและความร่วมมือทางการค้าระหว่างลาวและบรูไน
อีกหนึ่งแนวโน้มที่สื่อถึงการเพิ่มขึ้นของศักยภาพทางเศรษฐกิจลาวคือ โครงการสร้างสะพานใหม่สองแห่งในแขวงสะหวันนะเขตซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคมปีนี้ มีรายงานว่าสะพานทั้งสองแห่ง ได้แก่ Xekuamkom และ Xethamuak ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างบนทางหลวงหมายเลข 9 ในแขวงสะหวันนะเขตซึ่งแล้วเสร็จไปร้อยละ 80 แล้ว โดยนายคำมั่น เสนพิมมะจักกล่าวว่าโครงการสร้างสะพานดังกล่าวจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนเมษายน และพร้อมเปิดใช้บริการในเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพในการเชื่อมต่อแนวเศรษฐกิจตะวันออกระหว่างไทย ลาว และเวียดนาม
โครงการสร้างสะพานนี้ได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2560 ซึ่งตามแผนเดิมคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนปี 2562 โดยสามารถคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 196 พันล้านกีบหรือประมาณ โครงการดังกล่าวได้รับเงินทุนสนับสนนุนจากหน่วยงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency) ในขณะที่รัฐบาลลาวลงทุนเป็นมูลค่า 10 พันล้านกีบ
สะพานทั้งสองแห่งนี้จะอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อบนทางหลวงหมายเลข 9 ระหว่างแขวงสะหวันนะเขตกับชายแดนเวียดนามนั้นง่ายขึ้นส่งผลดีต่อการค้าระหว่างสองประเทศ ดังนั้น สะพานสองแห่งนี้ จะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวมของภูมิภาคโดยจะเป็นผลมาจากการคล่องตัวที่มากขึ้นของการไหลเวียนของสินค้าระหว่างชุมชน รวมไปถึงความสะดวกในการเดินทางไปมาระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน