ท่องเที่ยวสิงคโปร์กระทบจากกรณี MH370 ของมาเลเซีย และวิกฤตการเมืองไทย
ทางการสิงคโปร์เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวของสิงคโปร์จะได้รับผลกระทบ หลังนักท่องเที่ยวนานาชาติ โดยเฉพาะจากจีน หลีกเลี่ยงไม่เดินทางมายังสิงคโปร์และเพื่อนบ้านในภูมิภาค เนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัย จากกรณีการหายสาบสูญของเครื่อง MH370 ของมาเลเซีย และวิกฤตทางการเมืองหลังการรัฐประหารของไทย
เจ้าหน้าที่การบินสิงคโปร์ชี้ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไป-กลับจีน จากสนามบินชางงีระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม ลดลงจากปีที่แล้วกว่าร้อยละ 1.7 อยู่ที่ราว 1.8 ล้านคน และมีแนวโน้มจะลดลงในภาพรวมตลอดทั้งปี
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว การท่องเที่ยวสิงคโปร์เตรียมออกแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวให้สิงคโปร์เป็นจุดหมายปลายทางเดียวของนักท่องเที่ยวจีน แตกต่างจากเมื่อก่อนที่มักส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกันเป็นภูมิภาค โดยเฉพาะกับมาเลเซียและไทย
นายไมเคิล เชียม (Michael Chiam) อาจารย์ด้านการท่องเที่ยวประจำมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคงี อาน (Ngee Ann Polytechnic) ชี้ว่า แคมเปญดังกล่าวเป็นเรื่องสมเหตุสมผล การท่องเที่ยวของสิงคโปร์ควรแยกตัวออกจากประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังประสบวิกฤต เพราะนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากมักเดินทางมาเที่ยวทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน ไปพร้อม ๆ กัน ฉะนั้น การยกเลิกเที่ยวบินในไทยและมาเลเซียในรอบเดือนที่ผ่านมา จึงส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของสิงคโปร์อย่างแน่นอน
แหล่งที่มา: lifestyle.inquirer.net/
สิงคโปร์จ่อใช้มาตรฐานมลพิษอียูระดับ 6
สิงคโปร์เตรียมใช้มาตรฐานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากยานพาหนะในทวีปยุโรประดับ 6 (ยูโร 6) สำหรับยานพาหนะที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล ตั้งเป้าบังคับใช้จริงเร็วที่สุดในปี 2560 และเป็นไปได้ว่าสิงคโปร์อาจเป็นประเทศแรกในภูมิภาคนี้ที่ใช้กฎหมายควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เข้มงวดที่สุดเช่นนี้
ปัจจุบัน สิงคโปร์ใช้มาตรฐานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากยานพาหนะในทวีปยุโรประดับ 4 สำหรับยานพาหนะใช้น้ำมันเบนซิน และระดับ 5 สำหรับยานพาหนะที่ใช้น้ำมันดีเซล มาตรฐานที่ถูกกำหนดโดยสหภาพยุโรปนี้ ใช้บังคับอย่างเข้มงวดกับการปล่อยไอเสียของรถยนต์ใหม่ที่ขายในประเทศสมาชิกอียู ทั้งยังถูกนำไปปฏิบัติในสิงคโปร์และประเทศอื่น ๆ ด้วย
การที่สิงคโปร์เดินหน้าเตรียมใช้มาตรฐานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากยานพาหนะในทวีปยุโรประดับ 6 นับเป็นอีกความพยายามหนึ่ง เพื่อลดฝุ่นละอองในอากาศ ที่เป็นภัยคุกคามสุขภาพอย่างร้ายแรง
แหล่งที่มา: bangkokbiznews.com