สัมมนาสาธารณะเรื่อง “TPP กับทางเลือกประเทศไทย” โดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาไทย (TDRI)

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2558 เวลา 14.00 -16.00 น. สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) จัดสัมมนาสาธารณะเรื่อง “TPP กับทางเลือกประเทศไทย” โดยมีผู้นำอภิปราย 3 ท่าน ได้แก่ คุณนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย คุณกรรณิการ์ กิจติเวชกุล ผู้ประสานงานกลุ่ม FTA Watch  ดร.เดือนเด่น นิคมบริลักษณ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ TDRI และดำเนินรายการโดย ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจั ด้านการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ TDRI

ดร.เดือนเด่น นิคมบริลักษณ์ กล่าวว่า การส่งออกของไทยในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องและลดลงมาอยู่ระดับติดลบ เนื่องปัจจัยด้านเศรษฐกิจโลก และมีปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคการส่งออกของไทย แม้การส่งออกในปี 2558 ไทยมีตลาดส่งออกที่ยังขยายตัว 2 แห่งสำคัญ คือ สหรัฐฯ และกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่ง TPP กระทบต่อการส่งออกส่งและการลงทุนจากต่างประเทศของไทย เพราะข้อตกลงของ TTP จะเอื้อให้เกิดการสร้างห่วงโซ่อุปทานในกลุ่มประเทศสมาชิกที่มีความได้เปรียบจากปัจจัยด้านภาษี ดร.เดือนเด่น แนะนำว่าไทยควรเร่งเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค Asean+6 และเจรจา FTA กับยุโรป อย่างไรก็ตามต้องศึกษารายละเอียดข้อตกลงเพื่อประเมินผลได้ผลเสียและยังต้องศึกษาและทางในการจำกัดผลกระทบทางด้านลบที่อาจเกิดขึ้น

ด้านคุณนพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เห็นว่าไทยควรเข้า TPP เพราะ TPP เน้นเปิดการค้าเสรีมากขึ้นตามคติของสหรัฐอเมริกาที่เชื่อมั่นว่ายิ่งเสรียิ่งทำให้เศรษฐกิจขยายตัว ซึ่ง TPP ส่งผลให้เกิดความเจริญเติบโตของประเทศที่เข้าร่วม ขณะที่วิธีคิดของไทยยังปัญหาที่ปรับต้องเปลี่ยนให้เข้ากับบริบทเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งกระแสโลกมีแนวโน้มสู่การเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ข้อตกลงเปิดกว้างมากกว่า FTA ซึ่งหากไทยไม่เข้าร่วมแล้วจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ร่วมถึงการลงทุนก็จะย้ายออกจากประเทศไทยสู่ประเทศสมาชิกTPP ดังนั้นไทยควรจะแสดงเจตจำนงในการเข้าร่วม TPP ในโอกาสต่อไปเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน นอกจากนี้ คุณนพร  ได้ว่าไทยยังขาดยุทธศาสตร์ด้านการค้าในภาพรวม และต่อไปนี้ต้องเรียกจิตวิญญาณความเป็นชาติค้าของไทยให้กลับคืนมา

ขณะที่ คุณกรรณิการ์ กิจติเวชกุล ผู้ประสานงานกลุ่ม FTA Watch ชี้ว่าสังคมไทยยังมีมายาคติเกี่ยวกับ FTA น้อยไป ซึ่งจำนวน FTA ไม่ได้หมายว่าจะมีการลงทุนแต่อย่างใดและสมควรที่จะต้องทบทวนถึงความคุ้มค่ากับ FTA ที่ให้ประโยชน์ต่อประเทศชาติหรือไม่ ส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไทยยังเน้น มุ่งเน้นประโยชน์จาก GSP จากมหาอำนาจทำให้ไทยไม่เติบโต ดังนั้นไม่ควรรีบร้อนในเรื่อง TPP เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดทั้งหมด ขณะที่ข้อมูลบางส่วนที่มีการเปิดเผยพบว่าจะส่งผลต่อสิทธิบัตรยานำสู่การผูกขาดทำให้รายจ่ายด้านสาธารณสุขสูงขึ้น นอกจากนี้ คุณกรรณิการ์ ได้แนะนำว่าบริบทปัจจุบันไทยยังต้องศึกษาดูข้อตกลงใน TPP ถึงผลกระทบที่แท้จริงให้รอบด้าน